วันจันทร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2561

บันทึกการเรียนครั้งที่ 2 วันพุธที่ 24 มกราคม พ.ศ.2561

บันทึกการเรียนครั้งที่ 2 
วันพุธที่ 24 มกราคม พ.ศ.2561
ความรู้ที่ได้รับ
  • ความหมาย 
  • ความสำคัญ 
  • หลักการ 
  • แนวคิด 
  • ทฤษฏี 
การบริหารสถานศึกษา

ว่าที่ ร.ต.กฤตธ์ตฤณน์ ตุ๊หมาด

ความหมายและความสำคัญของการบริหารสถานศึกษา 
ความหมายของการบริหารการศึกษา ( Education Administration )
  • การบริหารการศึกษา แยกออกเป็น 2 คำ คือ การบริหาร และ การศึกษา ความหมายของ “การบริหาร” มีผู้ให้ความหมายไว้หลากหลาย ทั้งคล้ายๆกันและแตกต่างกัน คือ
  • การบริหาร หมายถึง การดำเนินงานของกลุ่มบุคคลเพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ที่วางไว้
  • การศึกษา หมายถึง การพัฒนาคนให้มีคุณภาพ ทั้งความรู้ ความคิด ความสามารถ และความเป็นเมื่อนำ
  • การบริหารการศึกษา หมายถึง การดำเนินงานของกลุ่มบุคคล เพื่อพัฒนาคนให้มีคุณภาพ ทั้งความรู้ ความคิด ความสามารถ และความเป็นคนดี

การบริหารสถานศึกษา หมายถึง ผู้ที่ทำหน้าที่หัวหน้าหรือผู้นำดำเนินงานเพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมายขององค์กร โดยใช้กระบวนการบริหารกลุ่มบุคคล กระบวนการต่างๆ ในการดำเนินงานของกลุ่มบุคคลให้เปลี่ยนวิธีคิด วิธีทำใหม่ เป็นผู้นำทางความคิด การแก้ปัญหา การตัดสินใจ การสร้างแรงจูงใจและจัดสรรการใช้ทรัพยากรต่างๆ ให้เป็นกลุ่มงานที่สัมพันธ์กันอย่างดี มีกลังคนที่มีความสามารถพร้อมสร้างบุคลากรให้ทำงานได้อย่างถูกต้องเพื่อให้บุคลากรร่วมมือกันพัฒนาคุณภาพของงานภายในสถานศึกษาและให้บริการทางการศึกษาแก่สมาชิกของสังคม

ความสำคัญของการบริหารสถานศึกษา การบริหารสถานศึกษาหรือการบริหารองค์กร สิ่งที่ต้องตระหนักหรือให้ความสำคัญ คือการบริหารงานบุคคล เพราะบุคคลเป็นทรัพยากรที่มีค่าในองค์กร ที่สามารถพัฒนาศักยภาพได้ไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งจะทำให้องค์กรสามารถดำเนินกิจการต่างๆ ให้บรรลุวัตถุประสงค์ได้ ช่วยให้บุคคลที่ปฏิบัติงานในองค์กรมีขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน เกิดความจงรักภักดีต่อองค์กรที่ปฏิบัติงาน เสริมสร้างความมั่นคงแก่สังคมและประเทศชาติ นั้นหมายถึงผู้บริหารจะต้องมีความรู้เรื่องการบริหารเป็นอย่างดี

หลักการแนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการบริหารสถานศึกษา

หลักการบริหารงานบุคคลสำนักงานคณะกรรมการการประถมศึกษาแห่งชาติ (2545) ให้แนวคิดในการบริหารและการจัดการที่ดี เพื่อมาปรับใช้ในบริบทขององค์กรทางการศึกษา ในประเด็กดังนี้

1. การกำหนดจุดหมาย ผลที่คาดหวัง หรือภาพความสำเร็จของการบริหารและการจัดการที่ดี (Goal / Expected / Output)

2. กระบวนการบริหารและการจัดการที่ดี (Process)

3. ทรัพยากรในการบริหารจัดการที่ดี (Input / Resource)

4. ระบบควบคุม (Feedback / Control System)

5. ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จในการบริหารและการจัดการที่

การบริหารเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ (Science and arts)

  • เป็น ศาสตร์ เพราะ มีหลักการ กฎเกณฑ์ และทฤษฏีที่เชื่อถือได้ เกิดจากการศึกษาค้นคว้าเชิงวิทยาสาสตร์ 
  • เป็น ศิลป์ เพราะต้องทำงานกับคน ต้องเลือกใช้วิธีการให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล ต้องฝึกให้ชำนาญ จึงต้องประยุกต์ใช้อย่างมีศิลป์ 
ทฤษฏีที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการสถานศึกษา

ความหมายของทฤษฏี กลุ่มของข้อเสนอ หรือ ของมโนทัศน์ที่สัมพันธ์เชื่อมโยงซึ่งกันและกัน เป็นข้อสรุปอย่างกว้างๆ ทั่วไปที่พรรณนาและอธิบายถึงพฤติกรรมละปรากฏการณ์อย่างเป็นระบบ

ความจำเป็นในการศึกษาทฤษฏี
  • ทฤษฏีเป็นพื้นฐานของการกำหนดสมมติฐานเพื่อทดสอบปรากฏการณ์ที่สังเกตได้ 
  • ทฤษฏีเป็นจุดเริ่มต้นของการวิจัย โดยกำหนดทิศทางของการวิจัย 
พัฒนาการของทฤษฏีทางการบริหาร
ทัศนะดั้งเดิม (Classical viewpoint)
  • การบริหารเชิงวิทยาศาสตร์ 
  • การจัดการเชิงบริหาร
  • การบริหารแบบราชการ
1. การบริหารเชิงวิทยาศาสตร์ (Scientific management)

Frederick. W. Taylor (เทเลอร์) บิดาแห่งการบริหารเชิงวิทยาศาสตร์ได้เสนอ หลัก 4 ประการ

1. ใช้วิธีทางวิทยาศาสตร์ มีการแยกวิเคราะห์งาน
2. มีการวางแผนการทำงาน
3. คัดเลือกคนทำงาน
4. ใช้หลักการแบ่งงานกันทำระหว่างฝ่ายบริหารกับฝ่ายปฏิบัติ

2.ทฤษฏีการจัดการเชิงบริหาร (Administration management)

  • Henry Fayol : หลักการบริหาร 14 หลักการ และขั้นตอนการบริการ POCCC 
  • Chester Barnard : ทฤษฏีการยอมรับอำนาจหน้าที่ 
  • Luther Gulick : ใช้หลักการของ Fayol 
โดยใช้คำย่อว่า POSDCoRB ซึ่งเป็นหน้าที่ 7 ประการ


3.ทฤษฏีการบริหารแบบราชการ (Bureaucratic management)
  • Max Weber พัฒนาหลักการจัดการแบบราชการ
  • มีกฎระเบียบข้อบังคับเพื่อควบคุมการตัดสินใจ 
  • ความไม่เป็นส่วนตัว 
  • แบ่งงานกันทำตามความถนัด ความชำนาญเฉพาะทาง 
  • มีโครงสร้างการบังคับบัญชา 
  • ความเป็นอาชีพที่มั่นคง 
  • มีอำนาจหน้าที่ในการตัดสินใจ โดยมีกฎระเบียบรองรับ 
  • ความเป็นเหตุเป็นผล 
ข้อเสียของระบบราชการ
  • ระเบียบปฏิบัติที่เคร่งครัดเกินไป 
  • ไม่ยืดหยุ่นทำให้งานล่าช้า 
  • ไม่เกิดความคิดสร้างสรรค์ 
  • การรวมศูนย์อำนาจ ทำให้ตัดสินใจล่าช้า ไม่ทันเหตุการณ์และเทคโนโลยี 
  • การมีสายการบังคับบัญชา ทำให้เกิดการชิงดีชิงเด่น ประจบประแจง 
  • การแบ่งงานตามความถนัดเป็นกลุ่ม ทำให้เกิดการสร้างอาณาจักร 
ทั้ง 3 ทฤษฏี มีความเหมือนและแตกต่างกันอย่างไร

ความเหมือน

1. ด้านโครงสร้าง เน้นการแบ่งงานกันทำ การมีสายการบังคับบัญชา กำหนดหน้าที่ของการบริหาร เน้นหลักการ

2. ด้านผู้ปฏิบัติ เหมือนเครื่องจักร เน้นสิ่งจูงใจด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงในงาน ความต้องปรับตัวเข้ากับงาน

3. ด้านผู้นำ ให้ความสำคัญกับบทบาทผู้นำ เอกภาพ ระบบคุณธรรม เป้าหมายองค์กรสำคัญกว่าบุคคล

4. ด้านการตัดสินใจ เน้นความเป็นเหตุผล ประสิทธิภาพ กำไร


ความต่าง

  • Taylor : กำหนดวิธีการทำงานที่ดีที่สุด The one best way
  • Fayol : เน้นหลักการ 14 หลักการ
  • Weber : เน้นระเบียบข้อบังคับ มีเกณฑ์ประเมินผล

ทัศนะเชิงพฤติกรรม (Behavioral viewpoint)
  • ทฤษฏีพฤติกรรมระยะเริ่มแรก 
  • การศึกษาที่ฮอว์ธอร์น 
  • ความเคลื่อนไหวเชิงมนุษยสัมพันธ์ 
หลักพฤติกรรมศาสตร์

1. ทฤษฏีพฤติกรรมระยะเริ่มแรก (Early behavioral theories)
  • Hugo Munsterberg บิดาแห่งจิตวิทยาอุตสาหกรรม ใช้หลักจิตวิทยาในการจำแนกคนงานให้เหมาะสมกับงาน
  • Mary Parker Follett นักปรัชญาแห่งเสรีภาพของบุคคล เน้นสภาพแวดล้อมในการทำงานและการมีส่วนร่วม
2. การศึกษาที่ฮอว์ธอร์น (Hawthorne studies) การทดลองของบริษัท เวสเทิร์น อิเล็กทริก ที่เมืองฮอว์ธร์น เพื่อศึกษาเกี่ยวกับผลของแสงไฟต่อประสิทธิภาพในการทำงาน ในช่วงท้ายของการทดลอง Elton Mayo ร่วมทำการทดลอง สรุปข้อค้นพบว่า
  • เงินไม่ใช้สิ่งจูงใจสำคัญเพียงอย่างเดียว
  • กลุ่มไม่เป็นทางการมีอิทธิพลต่อองค์การ
3. การเคลื่อนไหวเชิงมนุษยสัมพันธ์ (Human relation movement)
  • Abraham Maslow : มาสโลว์ ทฤษฏีลำดับขั้นความต้องการ
  • Douglas McGregor : แมคเกรเกอร์ ทฤษฏี X และทฤษฏี Y
ทฤษฏี X และทฤษฏี Y : เป็นสมมติฐานเกี่ยวกับทัศนะเกี่ยวกับผู้บริหารที่มีต่อคนงาน ทัศนะของผู้บริหารจะส่งผลต่อพฤติกรรมการบริหารงานของเขาด้วย เขาเห็นว่า องค์การแบบเดิม (รวมศูนย์ สื่อสารบนลงล่าง) ไม่ช่วยให้เกิดผลผลิต แต่สะท้อนธรรมชาติของมนุษย์ เรียกว่าทฤษฏี X

ทฤษฏี X มองว่าคนไม่ชอบทำงาน เลี่ยงความรับผิดชอบ ไม่ทะเยอทะยาน ชอบให้สั่งการ ต้องใช้เงินจูงใจ ต้องควบคุมมาก

ทฤษฏี Y มองว่า คนจะให้ความร่วมมือถ้าพอใจในสภาวะการทำงาน คนขยันไว้ใจได้ ควบคุมตนเองได้ มีความคิดริเริ่มในการทำงาน ถ้าได้รับการจูงใจที่ถูกต้องจากเพื่อนร่วมงาน คนจะพัฒนาตนเองอยู่เสมอ

4. หลักพฤติกรรมศาสตร์(Behavioral science approach) เป็นการนำผลการวิจัยเชิงวิทยาศาสตร์ เพื่อพัฒนาทฤษฏีเกี่ยวกับพฤติกรรมของมนุษย์ จากศาสตร์ สาขาต่างๆ เมื่อนำไปทดสอบแล้วจะเสนอให้นักบริหารนำไปใช้ เช่น ทฤษฏีการตั้งเป้าหมาย ของ Locke


การบริหารศาสตร์

การบริหารปฏิบัติการ ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหาร

1.การบริหารศาสตร์ (Management science) มุ่งเพิ่มความมีประสิทธิผลในการตัดสินใจจากการใช้ตัวแบบคณิตศาสตร์และวิธีการเชิงสิติ ซึ่งแพร่หลายได้รวดเร็วเนื่องจากความก้าวหน้าทางคอมพิวเตอร์ที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างซับซ้อนมากขึ้น 

2.การบริหารปฏิบัติการ (Operation management)
  • ยึดหลักการบริหารกระบวนการผลิตและให้บริการ 
  • กำหนดตารางการทำงาน 
  • วางแผนการผลิต 
  • การออกแบบอาคารสถานที่ การประกันคุณภาพ 
  • การใช้เทคนิคเครื่องมือต่างๆ เช่น เทคนิคการทำนายอนาคต 
  • การวิเคราะห์รายการ ตัวแบบเครือข่ายการทำงาน การวางแผน 
  • และควบคุมโครงการ 
3. ระบบสารสนเทศเพื่อการบริหาร management Information System
  • สารสนเทศบริหารศาสตร์ MIS เน้นการนำเอาระบบข้อมูลสารสนเทศโดยอาศัยเครื่องคอมพิวเตอร์มาใช้ในการบริหาร (Computer based information system : CBISs) 
ทัศนะร่วมสมัย (Contemporary viewpoint)
  • ทฤษฏีเชิงระบบ 
  • ทฤษฏีการบริหารตามสถานการณ์ 
  • ทัศนะที่เกิดขึ้นใหม่ 
1. ทฤษฏีเชิงระบบ (System theory)
  • รูปแบบการวิเคราะห์ระบบ 
  • มุ่งเน้นกระบวนการมากกว่าผลผลิต 
  • ประเมินประสิทธิภาพของระบบงาน 
  • ประเมินเวลา 
  • ประเมินการใช้งบประมาณ 
  • ประเมินความถูกต้องของกระบวนการ 
  • ประเมินผลผลิตหรือผลงาน 
2.ทฤษฏีการบริหารตามสถานการณ์ (Contingency theory)

3 ทัศนะที่เกิดขึ้นใหม่

ทฤษฏี Z ทฤษฏีการบริหารแบบญี่ปุ่น โดย William Ouchi
โดยรวมหลักการบริหารแบบอเมริกันรวมกับแบบญี่ปุ่นมีหลักการสำคัญคือ ความมั่นคงในงาน การมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ รับผิดชอบปัจเจกบุคคล เลื่อนตำแหน่งช้า ควบคุมไม่เป็นทางการ แต่วัดผลเป็นทางการ สนใจภาพรวมและครอบครัว


การประยุกต์

สามารถนำทฤษฏีต่างๆ ไปปรับใช้กับการบริหารในรูปแบบต่างๆ ได้

การประเมิน
ตนเอง : ทฤษฏีมีหลายหลายแบบ บางทฤษฏียังไม่เข้าใจ
เพื่อน : เพื่อนทำงานที่ได้รับมอบหมายมาส่งตรงเวลา
อาจารย์ : แนะนำ ยกตัวอย่าง อธิบาย ในเนื้อหาที่ยังไม่เข้าใจให้ฟัง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น