วันเสาร์ที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2561

วันพุธที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2561

บันทึกการเรียนครั้งที่ 8 วันพุธที่ 7 มีนาคม พ.ศ.2561

บันทึกการเรียนครั้งที่ 8 
วันพุธที่ 7 มีนาคม พ.ศ.2561
ความรู้ที่ได้รับ
  • คำคม
  • งานวิจัยเรื่องการบริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษา ในจังหวัดนครสวรรค์
  • งานวิจัยเรื่องรูปแบบการบริหารสถานศึกษาที่มีประสิทธิผลของโรงเรียนต้นแบบการพัฒนาสู่ประชาคมอาเซียน
  • งานวิจัย เรื่อง การบริหารสถานศึกษากับประสิทธิผลของโรงเรียน ในอำเภอคลองหลวง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานีเขต 1
  • งานวิจัยเรื่องการบริหารการศึกษาตามหลักธรรมาภิบาล โรงเรียนขยายโอกาส ทางการศึกษา อำเภอ เลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี
  • งานวิจัย เรื่อง รูปแบบการบริหารงานสถานศึกษาเอกชนระดับปฐมวัยที่มี ประสิทธิผลในจังหวัดนนทบุรี
  • งานวิจัย เรื่อง การบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กโดยการจัดการเรียนร่วม สังกัดสำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากระบี่





งานวิจัยเรื่อง รูปแบบการบริหารสถานศึกษาที่มีประสิทธิผลของโรงเรียนต้นแบบการพัฒนาสู่ประชาคมอาเซียนA Model of School Administrative Effectiveness for Master  School Development to ASEAN Community




การศึกษาระดับ  ปริญญาศึกษาศาสตรดุษฎีบัณฑิต
(การบริหารการศึกษา)
มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ผู้วิจัย นายธีระวัฒน์ มอนไธสง
ปีการศึกษา พ.ศ. 2557

บทนำ

ความสำคัญและความเป็นมาของปัญหาการวิจัย
ประเด็นที่ 1 ศตวรรษที่ 21 เป็นยุคของเศรษฐกิจฐานความรู้ ที่มีความเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว อันสืบเนื่องมาจากการใช้เทคโนโลยีเพื่อเชื่อมโยงข้อมูลทุกภูมิภาคของโลกเข้าด้วยกัน กระแสการปรับเปลี่ยนทางสังคมที่เกิดขึ้นส่งผลต่อวิถีการดำรงชีพของสังคม
ประเด็นที่  2  คุณภาพการศึกษาของประชากรเป็นปัจจัยบ่งชี้ความได้เปรียบเสียเปรียบในเชิงความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
ประเด็นที่  3  การจัดการศึกษามีความจำเป็นต่อการพัฒนาคุณภาพของประชากร และสำคัญต่อการพัฒนาประเทศขณะที่สังคมมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะพัฒนาคุณภาพของการจัดการศึกษาเพื่อให้มีศักยภาพสามารถที่จะแข่งขันกับนานาประเทศได้
ประเด็นที่ 4 แนวคิดเกี่ยวกับประสิทธิผลของโรงเรียนเกิดจากความต้องการในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาอย่างเป็นระบบโดยมุ่งหวังให้เกิดความเสมอภาคของการให้บริการการศึกษาแก่เด็กไทยทุกคนมีความเท่าเทียมกันในคุณภาพของการจัดการศึกษาในโรงเรียน และลดความเหลื่อมล้ำในคุณภาพของผลผลิต
ประเด็นที่ 5 การก้าวไปสู่ประชาคมอาเซียนโรงเรียนที่จะประสบผลสำเร็จเป็นโรงเรียนที่มีคุณภาพตามมาตรฐาน ซึ่งเป็นผลมาจากองค์ประกอบที่มีประสิทธิผล การเลือกใช้รูปแบบที่ดีที่สุดที่เหมาะสมที่สุดกับสถานการณ์ที่เกิดในขณะนั้น และการคิดค้นพัฒนารูปแบบการบริหารใหม่ ๆ ที่มีการแสดง หรืออธิบายให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างองค์ประกอบสำคัญ ๆ ที่ใช้เพื่อการบริหาร

วัตถุประสงค์ของการวิจัย
1. เพื่อศึกษาองค์ประกอบการบริหารสถานศึกษาที่มีประสิทธิผลของโรงเรียนต้นแบบการพัฒนาสู่ประชาคมอาเซียน
2. เพื่อศึกษารูปแบบการบริหารสถานศึกษาที่มีประสิทธิผลของโรงเรียนต้นแบบการพัฒนาสู่ประชาคมอาเซียน
3. เพื่อตรวจสอบรูปแบบการบริหารสถานศึกษาที่มีประสิทธิผลของโรงเรียนต้นแบบการพัฒนาสู่ประชาคมอาเซียน

ขอบเขตของการศึกษาวิจัย
การวิจัยครั้งนี้ มุ่งศึกษารูปแบบการบริหารสถานศึกษาที่มีประสิทธิผลของโรงเรียนต้นแบบการพัฒนาสู่ประชาคมอาเซียน จากการศึกษาค้นคว้าแนวคิด ทฤษฎี ตลอดจนเอกสาร และงานวิจัย
ต่าง ๆ ผู้วิจัยได้กำหนดขอบเขตเนื้อหา ดังนี้
1. นโยบายด้านการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการในการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ประกอบด้วย (กระทรวงศึกษาธิการ, 2553)
1.1 นโยบายที่ 1 การเผยแพร่ความรู้ข้อมูลข่าวสาร และเจตคติที่ดีเกี่ยวกับอาเซียน
1.2 นโยบายที่ 2 การพัฒนาศักยภาพของนักเรียน นักศึกษา และประชาชนให้มีทักษะที่เหมาะสม
1.3 นโยบายที่ 3 การพัฒนามาตรฐานการศึกษา
1.4 นโยบายที่ 4 การเตรียมความพร้อมเพื่อเปิดเสรีการศึกษาในอาเซียน
1.5 นโยบายที่ 5 การพัฒนาเยาวชนเพื่อเป็นทรัพยากรสำคัญในการก้าวสู่ประชาคมอาเซียน

2. องค์ประกอบการบริหารสถานศึกษาที่มี สรุปได้ 9 หัวข้อสำคัญได้แก่
  1. ภาวะผู้นำ 
  2. ความคาดหวังสูง 
  3. การมีวิสัยทัศน์ และเป้าหมายที่ชัดเจน 
  4. การพัฒนาหลักสูตรที่เน้นวิชาการ 
  5. กระบวนการจัดการเรียนการสอน  
  6. บรรยากาศสภาพแวดล้อมขององค์การที่เอื้อต่อการเรียนรู้ 
  7. การนิเทศกำกับติดตามผล 
  8. การมีส่วนร่วมของชุมชน/ผู้ปกครอง และ 
  9. การพัฒนาวิชาชีพครู

ตัวแปรที่ใช้ในการวิจัย
ตัวแปรอิสระ/ตัวแปรต้น /ตัวจัดกระทำ
องค์ประกอบการบริหารสถานศึกษา 9 ประเด็นได้แก่
1) ภาวะผู้นำ
2) ความคาดหวังสูง
3) การมีวิสัยทัศน์และ เป้าหมายที่ชัดเจน
4) การพัฒนาหลักสูตรที่เน้นวิชาการ
5) กระบวนการจัดการเรียนการสอน 
6) บรรยากาศสภาพแวดล้อมขององค์การที่เอื้อต่อการเรียนรู้
7) การนิเทศกำกับติดตามผล 
8) การมีส่วนร่วมของชุมชน/ผู้ปกครอง และ
9) การพัฒนาวิชาชีพครู

ตัวแปรตาม
รูปแบบการบริหารสถานศึกษาที่มีประสิทธิผล

นิยามศัพท์เฉพาะ
การบริหารสถานศึกษาที่มีประสิทธิผล หมายถึง ความสามารถในการบริหารงานในโรงเรียนด้วยความเป็นมืออาชีพของครู และผู้บริหาร ซึ่งส่งผลต่อความสำเร็จของการบริหารงานของโรงเรียนทั้ง 4 งาน คือ
การบริหารงานวิชาการ
2) การบริหารงานงบประมาณ
3) การบริหารงานบุคคล และ
4) การบริหารงานทั่วไป

รูปแบบการบริหารสถานศึกษาที่มีประสิทธิผล หมายถึง รูปแบบการบริหารโรงเรียนรูปแบบหนึ่งของโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน อันประกอบด้วยองค์ประกอบหลักของกระบวนการบริหารที่มีความสัมพันธ์ และเกี่ยวเนื่องกันอย่างเป็นระบบซึ่งส่งผลต่อความสำเร็จของการบริหารงานของโรงเรียนทั้งสี่งาน คือ
1) การบริหารงานวิชาการ
2) การบริหารงานงบประมาณ
3) การบริหารงานบุคคล และ
4) การบริหารงานทั่วไป

ประชาคมอาเซียน (Association of South East Asian Nations ) หมายถึง การรวมตัวกันของประเทศสมาชิกอาเซียน 10 ประเทศ ได้แก่ รัฐบรูไนดารุสซาลาม ราชอาณาจักรกัมพูชาสาธารณรัฐอินโดนีเซีย สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว มาเลเซีย สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ สาธารณรัฐสิงคโปร์ ประเทศไทย และสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม จัดตั้งขึ้นเพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองและเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในเวทีระหว่างประเทศในทุกด้าน

โรงเรียนต้นแบบการพัฒนาสู่ประชาคมอาเซียน หมายถึง โรงเรียนที่ได้รับการคัดเลือกจากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เข้าร่วมกิจกรรมโครงการพัฒนาประชาคมสู่อาเซียนโดยคัดเลือกโรงเรียนเข้าร่วมโครงการเพื่อพัฒนาความพร้อม และศักยภาพ ในการจัดการเรียนรู้เกี่ยวกับประชาคมอาเซียน เป็นศูนย์การเรียนรู้อาเซียน จำนวน 68โรงเรียน แบ่งเป็นโรงเรียน 3 รูปแบบ คือ โรงเรียน Sister School จำนวน 30 โรง โรงเรียน Buffer School จำนวน 24 โรง และโรงเรียน ASEAN Focus School จำนวน 14 โรง
องค์ประกอบการบริหารสถานศึกษาที่มีประสิทธิผล หมายถึง องค์ประกอบในการบริหารสถานศึกษาที่มีประสิทธิผล ซึ่งประกอบด้วยเก้าองค์ประกอบ คือ 1) ภาวะผู้นำ 2) ความคาดหวังสูง 3) การมีวิสัยทัศน์ และ เป้าหมายที่ชัดเจน 4) การพัฒนาหลักสูตรที่เน้นวิชาการ 5) กระบวนการจัดการเรียนการสอน 6) บรรยากาศสภาพแวดล้อมขององค์การที่เอื้อต่อการเรียนรู้ 7) การนิเทศกำกับติดตามผล 8) การมีส่วนร่วมของชุมชน/ผู้ปกครอง และ 9) การพัฒนาวิชาชีพครู

สมมุติฐานการวิจัย
เพื่อให้สอดคล้องกับข้อคำถามของการวิจัยผู้วิจัยจึงตั้งสมมุติฐานของการวิจัย ดังนี้
1. องค์ประกอบการบริหารสถานศึกษาที่มีประสิทธิผลของโรงเรียนต้นแบบการพัฒนาสู่ประชาคมอาเซียนเป็นพหุองค์ประกอบ
2. รูปแบบการบริหารสถานศึกษาที่มีประสิทธิผลของโรงเรียนต้นแบบการพัฒนาสู่ประชาคมอาเซียนเป็นพหุองค์ประกอบที่มีความสัมพันธ์กัน มีความเหมาะสม
3. กลุ่มโรงเรียนต้นแบบการพัฒนาสู่ประชาคมอาเซียนมีองค์ประกอบการบริหารสถานศึกษาที่มีประสิทธิผล ที่เด่นชัดแตกต่างกัน

แนวคิดทฤษฏีทางการบริหาร
แนวคิดทฤษฎีเกี่ยวกับการบริหารโรงเรียนที่มีประสิทธิผล
Robbins (1999) เสนอว่าวิธีวัดประสิทธิผลขององค์การมีอยู่สี่วิธีด้วยกัน คือ 1) วัดจากความสามารถขององค์การในการบรรลุเป้าหมาย 2) วัดโดยอาศัยความคิดระบบ 3) วัดจากความสามารถขององค์การในการชนะใจผู้มีอิทธิผล และ4) วัดจากค่านิยมที่แตกต่างกันของสมาชิกองค์การ
Edmonds (1979) ได้เสนอแนวคิดที่นำไปสู่ความเป็นโรงเรียนที่มีประสิทธิผลด้วยปัจจัย 5 ประการ คือ 1. ภาวะผู้นำที่แข็งแกร่งของผู้บริหาร 2. ความเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านทักษะพื้นฐาน 3. สภาพแวดล้อมของโรงเรียนที่สะอาดเรียบร้อยและปลอดภัย 4. ความคาดหวังของครูที่มีต่อนักเรียนในระดับสูง 5. การเฝ้าติดตามประเมินความก้าวหน้าของนักเรียนอย่างต่อเนื่อง
Pierce (1991) ได้วิเคราะห์ลักษณะการบริหารโรงเรียนที่มีประสิทธิผล ในปี ค.ศ. 1991พบว่ามีลักษณะ ดังนี้1. การให้ความเคารพกับความหลากหลายทางวัฒนธรรม 2. การพัฒนาทรัพยากรบุคคลที่เน้นการสร้างครูที่ช่วยเหลือนักเรียนที่มีความแตกต่างทางวัฒนธรรม 3. หลักสูตรที่เน้นการ  บูรณาการและพัฒนาได้มากกว่าทักษะพื้นฐาน 4. การส่งเสริมให้นักเรียนเกิดความร่วมมือในการวางแผนกับครู 5. การมีส่วนร่วมในการดูแลนักเรียนระหว่างครูและผู้ปกครอง

วิธีดำเนินการวิจัย
ประชากร
บุคลากรสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานในโรงเรียนต้นแบบการพัฒนาสู่ประชาคมอาเซียน ที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนดให้เป็นโรงเรียนต้นแบบการพัฒนาสู่ประชาคมอาเซียน จำนวน 68 โรง ประกอบด้วยโรงเรียนประเภท Sister school จำนวน 30 โรง โรงเรียนประเภท Buffer school จำนวน 24 โรงและโรงเรียนประเภท ASEAN focus school จำนวน 14 โรง (กระทรวงศึกษาธิการ, 2553)

กลุ่มตัวอย่าง
ผู้อำนวยการโรงเรียน และรองผู้อำนวยการโรงเรียนหรือครูที่เป็นหัวหน้างานทั้งสี่งานในโรงเรียนต้นแบบการพัฒนาสู่ประชาคมอาเซียน ที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนดให้เป็นโรงเรียนต้นแบบการพัฒนาสู่ประชาคมอาเซียนจำนวน 68 โรง ประกอบด้วย โรงเรียนประเภท Sister school จำนวน 30 โรง โรงเรียนประเภทBuffer school จำนวน 24 โรง และโรงเรียนประเภท ASEAN focus school จำนวน 14 โรง (กระทรวงศึกษาธิการ, 2553) จำนวนทั้งสิ้น 340 คน

เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย เป็นแบบสอบถามจำแนกออกเป็นสามตอน มีรายละเอียด ดังนี้
ตอนที่ 1 ข้อมูลสถานภาพทั่วไปของผู้ตอบแบบสอบถามได้แก่ เพศ อายุ การศึกษา
ตำแหน่งที่รับผิดชอบ มีลักษณะเป็นแบบตรวจสอบรายการ
ตอนที่ 2 เป็นคำถามเกี่ยวกับการบริหารสถานศึกษาที่มีประสิทธิผลของโรงเรียนต้นแบบ

การพัฒนาสู่ประชาคมอาเซียน มีลักษณะเป็นแบบสอบถามชนิดมาตราส่วนประมาณค่า (rating scale) ของลิเคิร์ท (1961) สอบถามระดับการปฏิบัติตามสภาพที่เป็นจริง 5 ระดับ ดังนี้
ระดับ 5 หมายถึง การปฏิบัติตรงสภาพที่เป็นจริงมากที่สุด
ระดับ 4 หมายถึง การปฏิบัติตรงสภาพที่เป็นจริงมาก
ระดับ 3 หมายถึง การปฏิบัติตรงสภาพที่เป็นจริงปานกลาง
ระดับ 2 หมายถึง การปฏิบัติตรงสภาพที่เป็นจริงน้อย
ระดับ 1 หมายถึง การปฏิบัติตรงสภาพที่เป็นจริงน้อยที่สุด
ตอนที่ 3 เป็นคำถามเกี่ยวความคิดเห็น และข้อเสนอแนะอื่นๆ เป็นคำถามปลายเปิด

การดำเนินการวิจัย
ผู้วิจัยได้ดำเนินการตามขั้นตอน ดังนี้
1.ขอหนังสือจากคณบดีบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ในการเชิญผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบเครื่องมือวิจัย หนังสือขอความอนุเคราะห์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อการทดลองแบบสอบถาม (try out) และหนังสือขอความอนุเคราะห์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลวิจัยประกอบการทำวิทยานิพนธ์
2. เก็บรวบรวมข้อมูลโดยการส่งแบบสอบถามไปยังตัวอย่างทางไปรษณีย์ และรอการตอบกลับทางไปรษณีย์
3. ในกรณีที่ยังไม่ได้รับแบบสอบถามคืนตามเวลาที่กำหนด ผู้วิจัยได้ส่งแบบสอบถามไปให้ผู้บริหารโรงเรียนซ้ำอีก และ ขอความร่วมมือส่งคืนทางไปรษณีย์ จากการเก็บรวบรวมข้อมูลผู้วิจัยส่งแบบสอบถามจำนวน 340 ได้รับกลับคืนมา 308 ฉบับ เมื่อตรวจสอบความสมบูรณ์ของการตอบแบบสอบถามแล้วใช้ได้ทั้ง 308 ฉบับคิดเป็นร้อยละ 90.59 ผู้วิจัยจึงนำแบบสอบถามที่มีความสมบูรณ์ทั้ง 308 ฉบับมาทำการวิเคราะห์ข้อมูล

การวิเคราะห์ข้อมูลและสถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล
การวิจัยครั้งนี้ใช้สถิติวิเคราะห์ข้อมูลดังนี้
การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณที่ได้จากแบบสอบถาม ผู้วิจัยทำการประมวลผลข้อมูลทางสถิติโดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์โปรแกรมสำเร็จรูป
1. การวิเคราะห์ข้อมูลสถานภาพทั่วไปของแบบสอบถาม ประกอบด้วย เพศ อายุ วุฒิการศึกษา ตำแหน่งที่รับผิดชอบ และประสบการณ์ในการรับผิดชอบงาน โดยใช้ค่าความถี่ค่าร้อยละ
2. ค่าสถิติพื้นฐานของตัวแปรในการวิจัย ใช้ค่าเฉลี่ย ค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐานค่าความเบ้ ค่าความโด่ง และค่าความแปรปรวน
3. การวิเคราะห์องค์ประกอบการบริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐานที่มีประสิทธิผลของโรงเรียนต้นแบบการพัฒนาสู่ประชาคมอาเซียน ด้วยวิธี factor analysis ประเภท exploratory factor analysis ที่หมุนแกนโดยวิธี orthogonal rotation สกัดปัจจัยของตัวแปรโดยวิธี principal componentsพิจารณาค่า eigenvalue (λ ) มากกว่า 1 เท่านั้น หากมีค่าน้อยกว่า 1 แสดงว่าปัจจัยนั้นมีรายละเอียดของข้อมูลน้อยกว่าตัวแปรใดตัวแปรหนึ่งเพียงตัวเดียว หรือเป็น 0 แสดงว่าปัจจัยนั้นไม่สามารถดึงรายละเอียดของข้อมูลจากตัวแปรได้เลย (กัลยา วานิชย์บัญชา, 2552)
4. การวิเคราะห์รูปแบบองค์ประกอบบริหารสถานศึกษาที่มีประสิทธิผลของโรงเรียนต้นแบบการพัฒนาสู่ประชาคมอาเซียนด้วยวิธี one-way ANOVA ที่ระดับนัยสำคัญที่ 0.05 และการวิเคราะห์การถดถอยพหุคูณ (Multiple regression Analysis) เพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างประสิทธิผลของโรงเรียนต้นแบบการพัฒนาสู่ประชาคมอาเซียนกับองค์ประกอบการบริหารสถานศึกษา ที่อาศัยความสัมพันธ์เชิงเส้นตรงระหว่างตัวแปรมาใช้ในการทำนาย(บุญชม ศรีสะอาด, 2547)
5. การวิเคราะห์เพื่อตรวจสอบรูปแบบการจัดกลุ่มองค์ประกอบการบริหารสถานศึกษาขั้นพื้นฐานที่มีประสิทธิผลของโรงเรียนต้นแบบการพัฒนาสู่ประชาคมอาเซียน ด้วยวิธีการวิเคราะห์จำแนกกลุ่มโรงเรียนด้วยเทคนิค cluster analysis แบบ two-step cluster analysis ที่สามารถคำนวณหาจำนวนกลุ่มที่ต้องการแบ่งในกรณีที่มีประชากรจำนวนมากได้โดยอัตโนมัติโดยไม่ต้องกำหนดจำนวนกลุ่มก่อน แต่สามารถแบ่งจำนวนกลุ่มให้มีจำนวนกลุ่มสูงสุด คือ 15 กลุ่ม และต่ำสุด คือสองกลุ่ม และดูค่าบรรทัดฐานของ Schwarz’s Bayesian Criterion (BIC) หรือ Akaike’s Information Criterion (AIC) ที่ตารางผลลัพธ์ คือ เมื่อค่าดังกล่าวน้อยที่สุดจะได้กลุ่มที่เหมาะสม หรือดูจากค่าratio of distance measures ที่ตารางผลลัพธ์คือ เมื่อค่าดังกล่าวมากที่สุด จะได้กลุ่มที่เหมาะสม เช่นเดียวกัน (นำชัย ศุภฤกษ์ชัยสกุล, 2553)

สรุปผลการวิจัย
จากผลการวิจัย สรุปได้ว่า รูปแบบการบริหารสถานศึกษาที่มีประสิทธิผลของโรงเรียนต้นแบบการพัฒนาสู่ประชาคมอาเซียนมีสองรูปแบบ คือ รูปแบบมุ่งเน้นการนิเทศ กับรูปแบบมุ่งเน้นเป้าหมาย สถานศึกษาสามารถที่จะนำไปใช้เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดนั้น สถานศึกษาต้องยึดหลักการกระจายอำนาจในการตัดสินใจโดยมุ่งไปที่การตัดสินใจร่วมกันในการบริหารจัดการศึกษาของโรงเรียน เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียน และชุมชน จึงทำให้รูปแบบการบริหารโรงเรียนที่มีประสิทธิผลเป็นรูปแบบที่มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพการศึกษาของโรงเรียนเพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง

ข้อเสนอแนะในการวิจัยครั้งต่อไป
ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะในการทำวิจัยครั้งต่อไป ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจวิจัย และเกี่ยวข้องกับการวิจัยดังต่อไปนี้
1. การวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาข้อมูลจากตัวอย่างที่เป็นผู้บริหารสถานศึกษา ควรมีการศึกษากับตัวอย่างอื่นด้วย เช่น ตัวอย่างที่เป็นครูผู้สอน นักเรียน ผู้ปกครอง คณะกรรมการสถานศึกษาร่วมด้วย เพื่อให้ครอบคลุมตัวอย่างมากยิ่งขึ้น
2. ควรศึกษาวิจัยในการนำรูปแบบการบริหารสถานศึกษาที่มีประสิทธิผลของโรงเรียนต้นแบบการพัฒนาสู่ประชาคมอาเซียนไปทดลองใช้ในการบริหารงานของโรงเรียนเพื่อสรุปภาพรวมของรูปแบบและความถูกต้องเหมาะสมของแต่ละองค์ประกอบ
3. ควรมีการศึกษาวิจัยถึงคุณลักษณะ หรือตัวบ่งชี้ของการบริหารโรงเรียนต้นแบบการพัฒนาสู่ประชาคมอาเซียน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาประสิทธิภาพของโรงเรียน
4. ควรศึกษาวิจัยถึงสภาพปัญหา หรืออุปสรรค ของโรงเรียนต้นแบบการพัฒนาสู่ประชาคมอาเซียน เพื่อจะได้เป็นข้อมูลในการพัฒนาโรงเรียนให้มีประสิทธิภาพต่อไป

สะท้อนองค์ความรู้ที่ได้จากวิจัย 
ได้รับความรู้ในการทำวิจัย และขั้นตอนการดำเนินการ เกี่ยวกับองค์ประกอบและรูปแบบการบริหารสถานศึกษาที่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งมีองค์ประกอบต่างๆ เช่น การตั้งวิสัยทัศน์และเป้าหมาชัดเจน การมีภาวะผู้นำ จัดหลักสูตรที่เน้นวิชาการ การพัฒนาวิชาชีพครูและให้ผู้ปกครองมีส่วนร่วม และนอกจากนี้สถานศึกษาต้องยึดการกระจายอำนาจเพื่อให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมอีกด้วย
องค์ประกอบการบริหารสถานศึกษาที่มีประสิทธิผลของโรงเรียนต้นแบบการพัฒนาสู่ประชาคมอาเซียน นอกจากรูปแบบการบริหารแล้ว อีกปัจจัยหลักคือผู้บริหารสถานศึกษาผู้บริหารสถานศึกษาต้องเป็นผู้มีความรู้ ความสามารถอย่างแท้จริงมีความเชี่ยวชาญ มุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้โรงเรียนประสบความสำเร็จอย่างมืออาชีพ
มีกระบวนการการมีส่วนร่วมในการทำงาน พัฒนาบุคลากร โดยเฉพาะติดตามการปฏิบัติงานของบุคลากรอย่างใกล้ชิด เพื่อวิเคราะห์จุดอ่อนจุดแข็งและสิ่งที่ควรพัฒนาของบุคลากรแต่ละคน  สนับสนุนให้บุคลากรแสวงหา แลกเปลี่ยนความรู้ เพิ่มทักษะความชำนาญในการปฏิบัติงานได้รับการยอมรับจากชุมชน จัดสภาพแวดล้อมในการทำงานให้ น่าดูน่าอยู่ น่าทำงาน ประสานงาน และแสวงหาความร่วมมือจากทุกภาคส่วน นำมาใช้ในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ส่งเสริมการเรียนรู้ของนักเรียน วางแผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้พร้อมกับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน

เอกสารอ้างอิง /บรรณานุกรม
กนิษฐา นาวารัตน์. 2549. การพัฒนารูปแบบและกลยุทธ์การส่งเสริมความเป็นศูนย์กลางการศึกษา
     นานาชาติของประเทศไทยในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้. วิทยานิพนธ์
     ครุศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาอุดมศึกษา, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
กระทรวงศึกษาธิการ, สำนักวิชาการและมาตรฐาน. 2553. เอกสารประกอบการประชุม
     เชิงปฏิบัติการ การพัฒนาสถานศึกษาสู่ประชาคมอาเซียน. กรุงเทพมหานคร. (อัดสำเนา).
กัลยา วานิชย์บัญชา. 2546. การวิเคราะห์ข้อมูลหลายตัวแปร. กรุงเทพมหานคร: ภาควิชาสถิติ
     คณะพานิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
จันทรานี สงวนนาม. 2545. ทฤษฎีและแนวปฏิบัติในการบริหารสถานศึกษา. กรุงเทพมหานคร:บุ๊คพอยท์.
จินตนา ศักดิ์ภู่อร่าม. 2545. การนำเสนอรูปแบบการบริหารโรงเรียนในกำกับของรัฐสำหรับ
     ประเทศไทย. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาบริหารการศึกษา,จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
 ชินภัทร ภูมิรัตน์. 2548. การจัดการความรู้ทางการศึกษา (Online). www.e-theses. lib.cmu.ac.th.,7 เมษายน 2555.
ณัฏฐ์วรดี คณิตินสุทธิทอง. 2555. ครูไทย: เตรียมพร้อมก่อนขึ้นสังเวียนอาเซียน.
เอกสารประกอบการประชุม มหาวิทยาลัยราชภัฎธนบุรี. กรุงเทพมหานคร. (อัดสำเนา).
ดิเรก วรรณเศียร. 2545. การพัฒนาแบบจำลองแบบสมบูรณ์ในการบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐานสำหรับสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรดุษฎีบัณฑิต สาขาบริหารการศึกษา,จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
Austin, G. R. and D. R. Thomas. 1990. Managing for improved school effectiveness:aninternational urvey. New York: School Organization.
Bardo, J. W. and J. J. Hartman. 1982. Urban Society: A Systematic Introduction. U.S.A.:F. E. Peacock


งานวิจัย เรื่องการบริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษา 
ในจังหวัดนครสวรรค์




งานวิจัย เรื่อง การบริหารสถานศึกษากับประสิทธิผลของโรงเรียน ในอำเภอคลองหลวง 

สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานีเขต 1






งานวิจัย : การบริหารการศึกษาตามหลักธรรมาภิบาล โรงเรียนขยายโอกาส ทางการศึกษ
อำเภอ เลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี




งานวิจัย เรื่อง รูปแบบการบริหารงานสถานศึกษาเอกชนระดับปฐมวัยที่มีประสิทธิผล
ในจังหวัดนนทบุรี



งานวิจัย เรื่อง การบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กโดยการจัดการเรียนร่วม 
สังกัดสำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากระบี่


การประยุกต์
   สามารถนำงานวิจัยไปปรับใช้กับการเปิดสถานศึกษาในอนาคตได้

การประเมิน
ตนเอง : เนื้อหามีจวนมาก ยังเข้าใจไม่ดีพอ
เพื่อน : ทำงานที่ได้รับมอบหมายอย่างครบถ้วน
อาจารย์ : เนื้อหามีความละเอียด มีการเสริมและแก้ไขข้อบกพร่อง